- 
        ประเทศสิงคโปร์
 สิงคโปร์ (Singapore) หรือชื่อทางการคือ  สาธารณรัฐสิงคโปร์ (Republic of Singapore) เป็นนครรัฐที่ตั้งอยู่บนเกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ที่ละติจูด 1°17'35" เหนือ ลองจิจูด  103°51'20" ตะวันออก  ตั้งอยู่ทางใต้สุดของคาบสมุทรมาเลย์ อยู่ทางใต้ของรัฐยะโฮร์ของประเทศมาเลเซีย และอยู่ทางเหนือของเกาะรีเยาของประเทศอินโดนีเซีย  มีพื้นที่ 697.1 ตารางกิโลเมตร ยอดเขาสูงที่สุดคือ Bukit  Timah แม่น้ำสายยหลักคือ Singapore และ Rochor  สิงคโปร์มีถนน และรถไฟเชื่อมกับมาเลเซีย ณ Singapore/Johor  Causeway ระยะทางประมาณ 6 กม. ประชากร 4.2  ล้านคน      (ชาวจีน 76%  ชาวมาเลย์ 13.7% ชาวอินเดีย 8.4% และอื่นๆ 1.9% ) ซึ่งอยู่กันโดยไม่มีปัญหา ความขัดแย้งด้านเชื้อชาติ
 
- 
  ภูมิศาสตร์ของสิงคโปร์
 สาธารณรัฐสิงคโปร์ (Singapore) ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรอยู่ทางทิศใต้ของประเทศไทยต่อจากประเทศมาเลเซีย  สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดพื้นที่และจำนวนประชากรน้อยที่สุดในเอซียตะวันออกเฉียงใต้  สิงคโปร์ไม่ได้เป็นเกาะเพียงเกาะเดียว แต่ประกอบด้วยเกาะหลักหนึ่งเกาะ และเกาะขนาดจิ๋วล้อมรอบอีก  63 เกาะ เกาะหลักมีเนื้อที่พื้นดินรวม 682 ตารางกิโลเมตร ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของที่นี่คือ 136.8 กม. เหนือเส้นศูนย์สูตร โดยตั้งอยู่ระหว่างเส้นแวงที่ 103 องศา 38 ลิปดาตะวันออก กับเส้นแวงที่ 104 องคศา 06 ลิปดาตะวันออก  และด้วยสภาพภูมิประเทศที่ตั้งติดฝั่งทะเลทั้ง 3 ด้าน ซึ่งอยู่ตรงกลางสี่แยกของโลกคือ  ทิศเหนือ ติดกับช่องแคบยะโอร์ ทิศตะวันออก ติดกับทะเลจีนใต้ ทิศตะวันตก  ติดกับช่องแคบมะละกา ทิศใต้ ติดกับช่องแคบสิงคโปร์ ทำเลอันยอดเยี่ยมนี้ส่งผลความได้เปรียบมีส่วนผลักดันให้สิงคโปร์เติบโต  จนกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้า การสื่อสาร และการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก
 
- 
  ภูมิอากาศของสิงคโปร์
 สิงคโปร์อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงมีอากาศและพืชพรรณธรรมชาติแบบร้อนชื้น   แต่ได้รับอิทธิพลจากลมทะเล  จึงช่วยให้มีอากาศเย็นสบาย   อุณหภูมิในช่วงฤดูร้อน  และฤดูหนาว จึงไม่ต่างกันมากนัก สภาพอากาศของสิงคโปร์ เป็นแบบอบอุ่นและชื้นตลอดปี   ความชื้นในช่วงกลางวันประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์   และ 95 เปอร์เซ็นต์ในช่วงกลางคืน    อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ  23-33  องศาเซลเซียส  มีแดดตลอดปี และฝนตกเป็นครั้งคราวโดยเฉพาะช่วงปลายปี  โดยเฉลี่ยแล้วในช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึง มกราคม  เป็นช่วงที่ร้อนน้อยที่สุด เนื่องจากฝนตกชุก    ช่วงระหว่างเดือน  พฤษภาคมถึง กรกฎาคม เป็นช่วงที่ร้อนที่สุด   และเดือน  กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่แดดจ้ามากที่สุด
 
- 
  เงินตราของประเทศสิงคโปร์ 
 สกุลเงินของสิงคโปร์ แบ่งเป็น ดอลลาร์สิงคโปร์ (หรือ  เหรียญสิงคโปร์)  และ เซ็นต์  สำหรับธนบัตรสิงคโปร์ทั่วไปในตลาด  มี ตั้งแต่ใบละ 2, 5, 10, 50, 100, 1,000, 10,000 เงินสกุลอื่น  ๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ  ดอลลาร์ออสเตรเลีย  เยน หรือ เงินปอนด์   ก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในช้อปปิ้งเซ็นเตอร์  และร้านอาหารใหญ่ ๆ
 
- 
  ไฟฟ้าของประเทศสิงคโปร์
 กระแสไฟฟ้าที่ใช้ในสิงคโปร์เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ 240 โวลท์  ต่อวินาที ปลั๊กไฟที่ใช้เป็นแบบขาเหลี่ยมสามขา  ซึ่งอาจต้องใช้ปลั๊กพ่วงเพื่อต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีปลั๊กแบบอื่น  โดยหาซื้อได้จากร้านเครื่องมือทั่วๆไปไฟฟ้า ไฟฟ้ากระแสสลับ 220-240 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์  โรงแรมส่วนใหญ่มีบริการเครื่องแปลงไฟเพื่อใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดแรงดันอื่นๆ  ใช้ปลั๊กไฟแบบ 3ขาสี่เหลี่ยมจัตุรัส
 
- 
      เวลา   สิงคโปร์เวลาเร็วกว่าประเทศไทย  1 ชั่วโมง 
- 
  ศาสนา 
 ศาสนาที่ประชาชนนับถือมีทั้งศาสนาพุทธ, ขงจื้อ,  เต๋า, อิสลาม, คริสเตียน  และฮินดู  ไม่มีศาสนาประจำชาติของสิงคโปร์  อย่างไรก็ตาม   ผู้คนในสิงคโปร์มีอิสระในการนับถือศาสนาที่กล่าวมาแล้ว  ก็ยังมีศาสนาอื่นๆ ที่เป็นกลุ่มเล็กอีกด้วย ได้แก่ ซิกซ์, ยิว  ในบรรดาตึกเก่า ๆ ในสิงคโปร์ก็จะรวมไปถึง สุเหล่า, โบสถ์  และวัดต่าง ๆ ด้วย  ในปี 1990 มีการเก็บสถิตปรากฎว่า  ประชากรที่อายุ 10 ปีขึ้นไปจะนับถือศาสนาพุทธและเต๋ามาก โดยในจำนวนนี้จะเป็นคนจีนเสียส่วนใหญ่  และอาจมีการผสมผสานในความเชื่อของศาสนา แต่ละแห่งเข้าไปด้วย มีประมาณ 15 เปอร์เซนต์นับถือศาสนาอิสลาม 13เปอร์เซนต์นับถือศาสนาคริสต์เตียน  และ 4 เปอร์เซนต์นับถือศาสนาฮินดู ซึ่งในจำนวนนี้เกือบทั้งหมดเป็นชาวอินเดีย
 
- 
  ดอกไม้ประจำชาติ 
 ดอกไม้ประจำชาติของ สาธารณรัฐสิงคโปร์ คือ Vanda Miss Joaquim  เป็นกล้วยไม้ในกลุ่ม แวนด้า
 
- 
        ภาษา 
 สิงคโปร์มีภาษาราชการถึง  4 ภาษา คือ อังกฤษ จีน มาเลย์ และภาษาทมิฬ ศิลปวัฒนธรรมก็เป็นลักษณะผสมระหว่างจีน  มาเลเซีย และอินเดีย
 -  ภาษาประจำชาติ :  คือภาษามาเลย์
 -  ภาษาราชการ :  ที่ใช้กันอยู่คือ  ภาษาจีนกลาง, ภาษาทมิฬ และ ภาษาอังกฤษ
 -  ภาษาที่ถูกใช้บ่อยมากที่สุด  :  คือ  ภาษาอังกฤษ คนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า,  ตลาด, โรงแรม, แท็กซี่ และภัตราคาร จะไม่มีปัญหาในเรื่องของภาษาที่ใช้ หากคุณมีความสามารถในด้านภาษาจีนกลาง  หรือ ภาษามาเลย์ก็จะมีประโยชน์อยู่มาก
 
- 
        น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain Of  Wealth)  
 ถูกสร้างอยู่ บริเวณตรงกลางของตึกทั้ง 5 ของ  Suntec City มีลักษณะเป็นเหมือนวงแหวนอยู่วงหนึ่ง ซึ่งได้ถูกจัดให้เป็นน้ำพุที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก  โดยสามารถพ่นน้ำได้สูงถึง 30 เมตรเลยทีเดียว และ  ในช่วงกลางคืนของทุกคืนราวๆ 2 ทุ่ม  จะมีการแสดงน้ำพุประกอบแสง สีเสียง 3D Laser สวยงามเป็นอย่างมากมีคนเล่าว่า  ถ้ามาที่นี่แล้วต้องเดินรอบๆ และสัมผัสน้ำพุ ก็จะโชคดี และ จะมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตนะครับ  ถ้าให้เป็นไปตามสูตรเลย เราต้องเดินให้ครบ 3 รอบ  พร้อมกับสัมผัสน้ำพุด้วย ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องมาที่นี่ให้ครบ 9 วัน แล้วทุกวันที่มาจะต้องทำแบบเดียวกัน จะยิ่งเป็นการช่วยนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคล  และ จะทำให้เรามีความร่ำรวยมั่งคั่งในนชีวิต แต่คนไทยอย่างเราซึ่งไปในฐานะนักท่องเที่ยวคงเป็นเรื่องยาก  ที่จะสามารถกลับไปที่นั่นให้ครบ 9 วัน ตามสูตร  เพราะว่าส่วนใหญ่ก็จะไปแค่ 3-4 วันเท่านั้น  แต่ถ้าเราจะอยู่ถึง 9 วัน ผมว่าคนที่รวยคงเป็นประเทศสิงคโปร์มากกว่าเรานะครับ  เพราะว่าเราต้องมีค่าใช้จ่ายในประเทศสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอีกตั้งหลายวัน
 
- 
  พิพิธภัณฑ์ เรดดอท  (Red  dot Museum Singapore)  
 ตัวอาคารสีแดงที่นักท่องเที่ยวชาวไทยหลาย  ๆ คนเดินตามหาเพื่อเก็บภาพมาชื่นชม อาคารสีแดงยาว ๆ ทั้งหลังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์การออกแบบผลิตภัณฑ์  Red  Dot Design ซึ่งตั้งอยู่บนถนน Maxwell เยื้องกับองค์การพัฒนาเขตเมืองใหม่  สำหรับใครที่คาดหวังจะเข้าไปชมของสะสม ของเก่าเก็บ แล้วล่ะก็ ไม่มีทางได้เห็นจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เด็ดขาด  เพราะว่าที่พิพิธภัณฑ์เรดดอท แห่งนี้เป็นที่สะสมผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและชนะการประกวดในเรื่องของการออกแบบล้วน  ๆ สินค้าที่ถูกจัดแสดงอยู่เป็นสินค้าประเภทของใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า  คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล นาฬิกา เครื่องใช้ในครัว  สุขภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ สินค้าหลาย ๆ ชิ้น ที่เป็นสินค้าไฮเทค ซึ่งบางชิ้นไม่ได้มีการนำเข้ามาขายในเมืองไทย  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผลิตภัณฑ์ที่จัดแสดงอยู่มีเยอะแยะมากมาย  ถ้าสนใจก็สามารถเดินเข้าไปชมได้นะครับ
 
- 
  เมอร์ไลอ้อน (MerLion)
 สัญญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นสิงคโปร์อย่างแท้จริง  MerLion  ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของอาคาร Esplanade เราต้องเดินข้ามสะพาน Esplanade Bridge มาอีกฝั่งของแม่น้ำสิงคโปร์  MerLion เป็นสัตว์ครึ่งสิงโต ครึ่งปลา ที่พ่นน้ำออกจากปากอยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์  ซึ่งจะทำหน้าที่พ่นน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดพักผ่อนเหมือนนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ  ยิ่งเป็นช่วงท่องเที่ยวเจ้าสิงโตตัวนี้ยิ่งหยุดไม่ได้เลยครับ
 แต่เดิมสิงโตทะเล เมอร์ไลอ้อนตัวนี้  ตั้งอยู่อีกฝั่งของสะพาน Esplanade ห่างจากที่อยู่ปัจจุบันเพียง 120 เมตร เหตุที่ย้ายมาตั้งตรงนี้ เพราะความเป็นสง่าราศรีของประเทศ  ตั้งใจให้หันหน้าออกทะเล ไม่ถูกบดบังทัศนียภาพทำให้พ่นน้ำได้ตลอดเวลา นัยว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวมาแวะถ่ายรูปกับเจ้าสิงโตตัวนี้หลายล้านคน
 เมอร์ไลออน หรือ สิงโตทะเล ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคณะกรรมการการท่องเที่ยวของสิงคโปร์  (Singapore Tourism Board - STB) ในปี 1964  – รูปปั้นนี้มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น ต่อมาไม่นานทั่วโลกก็ถือกันว่าสิงโตทะเลตัวนี้คือเครื่องหมายประจำชาติสิงคโปร์แม่สิงโตและลูกสิงโตได้กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว  มีการจัดพิธีติดตั้งสิงโตทะเลในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1972  โดยมีประธานในพิธีคือนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ณ เวลาดังกล่าว  ซึ่งก็คือ นายลี กวน ยู สิงโตตัวนี้สูง 8.6 เมตร มีน้ำหนัก 70  ตัน ทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์ โดยช่างฝีมือชาวสิงคโปร์ผู้เสียชีวิตไปแล้วที่ชื่อนายลิมนังเซ็ง  ส่วนรูปปั้นสิงโตทะเลตัวที่สองจะมีขนาดเล็กกว่า ขนาดสูง 2 เมตรและหนัก  3 ตัน ก็ถูกสร้างขึ้นโดยนายลิมเช่นกัน  ตัวสิงโตทำจากวัสดุจำพวกซีเมนต์ ผิวหนังทำจากแผ่นกระเบื้อง  และตาทำจากถ้วยชาสีแดงขนาดเล็ก ผู้ออกแบบคือนายฟราเซอร์ บรูนเนอร์ (Mr  Fraser Brunner) เป็นผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแวนคลีฟ หัวรูปปั้นเป็นสิงโตหมายถึงสิงโตที่เจ้าชายซางนิลาอุตามะเคยเห็นตอนที่พระองค์พบเกาะสิงกะปุระในปี  ค.ศ. ที่ 11 ตามบันทึกของชาวมาเลย์ ส่วนหางที่เป็นปลาคือสัญลักษณ์ของเมืองโบราณเทมาเซ็ค  (หมายความว่า "ทะเล" ในภาษาญี่ปุ่น)  ซึ่งสิงคโปร์ถูกค้นพบมาแล้วก่อนที่เจ้าชายนิลาจะตั้งชื่อเกาะนี้ว่า "สิงกะปุระ" (หมายความว่า "สิงโต" (สิงห์) และ  "เมือง" (ปุระ) ในภาษาสันสกฤต) นอกจากนี้ยังหมายถึงจุดเริ่มต้นอันต่ำต้อยของสิงคโปร์ที่ในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านนชาวประมงย่านกาตง  บนถนนจูเชียต ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลทางตะวันออก ของเกาะสิงคโปร์ เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวเปรานากัน  ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างจีน มาเลย์ ยุโรป และ อินเดีย